แผลเป็น  (Scar) เป็นผลที่ตามมาจากการหายของแผล ซึ่งแบ่งเป็น  2  แบบคือ
1. แผลเป็นปกติ  (Normal scar)   
มีลักษณะโดยทั่วไปคือ เมื่อเป็นแผล และแผลหายในช่วงแรกแผลจะนูนแดงเล็กน้อย ต่อมาจะค่อยๆซีดและยุบลง ส่วนใหญ่จะภายใน 3 เดือน และมักไม่เกิน 1 ปี แต่อย่างไรก็ตาม จะทิ้งร่องรอยของแผลไว้อยู่จางๆให้ทราบว่าเคยเป็นแผลมาก่อน
2. แผลเป็นแบบผิดปกติ ( Abnormal scar)  แบ่งเป็น  2 ชนิด คือ
    2.1  แผลเป็นชนิด  Hypertrophic
    2.2  แผลเป็นชนิด   Keloid
ทั้งสองชนิดมีลักษณะคล้ายกัน  คือ แผลที่นูน แดง และคัน โดยหากยิ่งเกาจะยิ่งนูน และแดงมากขึ้นในที่นี้จะไม่ขอกล่าวถึงความแตกต่างของทั้ง 2 ชนิด  แต่ในความคิดของคนทั่วไปมักเรียกแผลเป็นนูนทั้ง 2 ชนิดนี้ว่า แผลเป็น  Keloid  ซึ่งพบได้ทุกส่วนของผิวหนัง  แต่ที่พบบ่อยคือ บริเวณใบหู  หัวไหล่  และกลางหน้าอก เป็นต้น
ส่วนแผลเป็นอีกประเภทหนึ่งคือ "แผลเป็นยืดขยาย" (Widening scar)  ซึ่งก็คือแผลเป็นแบบปกตินั่นเอง  แต่มีการยืดขยายออกจากแผลตามแนวแรงดึงของผิวหนังบริเวณนั้น  พบได้ทั่วไปแต่เห็นได้ชัดบริเวณผิวหนังที่มีแรงตึงหรือแรงดึงบริเวณผิวหนังมากๆ เช่น ต้นขา  หน้าแข้ง   หรือบริเวณข้อต่อต่างๆ ที่มักมีการเคลื่อนไหว   เช่น  ข้อศอก  ข้อเข่า  ข้อเท้า   เป็นต้น
นอกจากนี้บางคนคงเคยได้ยินคำว่า "แผลเป็นดึงรั้ง" (Contractured  scar)  ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือแผลเป็นทั้งชนิด Hypertrophic scar และ Keloid ที่เกิดบริเวณข้อต่อต่างๆแล้วทำให้ข้อต่อบริเวณนั้นหดรั้ง  ไม่สามารถยืดหรืองอได้เต็มที่   หากปล่อยไว้นานๆอาจทำให้กระดูกข้อผิดรูปได้ตามมา
      
ส่วนการรักษาแผลเป็น (Scar treatment) นั้น  สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1.  การรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งสามารถใช้ได้กับแผลเป็นทุกชนิด  ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดคือ การผ่าตัดแผลเป็นนั้นโดยตรงแล้วเย็บกลับเข้ามาใหม่  แต่หากเป็นบริเวณที่ยากต่อการเย็บโดยตรง อาจใช้วิธีโยกเนื้อข้างเคียงเข้ามาเพื่อทำให้เย็บได้ง่ายขึ้น (Local flap coverage )  หรือ ใช้เนื้อเยื่อบริเวณอื่นมาปิดแทน (Distant flap) เช่น ใช้เนื้อเยื่อบริเวณต้นขามาปิดแผลเป็นบริเวณหน้าท้องช่วงล่าง หรือแม้แต่การฝังอุปกรณ์ยืดขยายผิวหนัง (Tissue Expander) ไว้ก่อน  เมื่อได้ผิวหนังที่ยืดขยายดีแล้วจึงค่อยตัดแผลเป็นออก  และโยกผิวหนังที่ยืดขยายแล้วเข้ามาปิดบริเวณที่ตัดเอาแผลเป็นนั้นออกอีกที  นอกจากนี้หากเป็นแผลเป็นที่มีขนาดใหญ่มากๆ  โดยเฉพาะแผลเป็นดึงรั้ง  อาจใช้การผ่าตัดทางจุลศัลยกรรมเข้ามาช่วย  โดยใช้เนื้อเยื่อและผิวหนังบริเวณอื่นมาปิดแผลเป็นที่ตัดออก  ร่วมกับการเย็บต่อหลอดเลือดและเส้นประสาท (Free flap coverage) ส่วนการปลูกผิวหนัง (Skin graft) นั้นเป็นวิธีที่มีการใช้กันมากในกรณีที่ไม่สามารถเย็บแผลเป็นเข้าหากันโดยตรง  แต่ในด้านความสวยงามของผิวหนัง  และการรับรู้ความรู้สึกที่ผิวหนัง  จะไม่ดีเท่าวิธีการผ่าตัดอื่นที่กล่าวมา
2. การรักษาโดยวิธีไม่ผ่าตัด  มักใช้กับแผลเป็น Hypertrophic และ Keloid  ซึ่งมีหลายวิธีได้แก่
      2.1 การฉีดยาให้แผลเป็นยุบ  ซึ่งมักต้องร่วมกับการนวดบริเวณแผลเป็นที่ถูกวิธีด้วย
      2.2 การใช้เลเซอร์
      2.3 การใช้รังสี
      2.4 การใช้ยาทาแผลเป็น หรือใช้แผ่นซิลิโคนปิดแผล เพื่อให้แผลเป็นยุบ
ซึ่งในความเห็นส่วนตัวของผมแล้ว  สำหรับการรักษาโดยวิธีไม่ผ่าตัดที่ผมคิดว่าได้ผลดีที่สุด  คือ  การฉีดยาร่วมกับการนวดอย่างถูกวิธี   ส่วนการใช้เลเซอร์และรังสี  ต้องเลือกให้เหมาะสมเป็นรายๆไป  รวมทั้งต้องระวังผลแทรกซ้อนที่ตามมา  ส่วนการใช้ยาทาหรือใช้แผ่นซิลิโคนปิดแผลมักไม่ได้ผลเท่าที่ควร
3. การรักษาแบบผสมผสาน  คือ  ใช้ทั้งวิธีผ่าตัดและไม่ผ่าตัดร่วมกัน  ซึ่งโดยทั่วไปผมมักใช้ในกรณีแผลเป็น  Hypertrophic และ Keloid ขนาดใหญ่  โดยจะฉีดยาให้ยุบลงในระดับที่ทำให้การผ่าตัดง่ายขึ้น แล้วจึงใช้วิธีการผ่าตัดแบบเย็บผิวหนังเข้าหากันโดยตรง หรือ วิธีการโยกเนื้อเยื่อข้างเคียงมาปิด เป็นต้น
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเพียงบทความโดยสรุป  เพื่อให้เข้าใจกันโดยง่าย  รวมทั้งเป็นความเห็นส่วนตัวในการรักษาแผลเป็นที่ได้จากประสบการณ์ของผมเอง  จึงขออย่าได้ไปเปรียบเทียบหรือกล่าวอ้างกับการรักษาของแพทย์ผู้อื่น หากว่าวิธีการรักษานั้นแตกต่างกัน 
นพ.อภิชาญ   พงศ์พัฒนานุรักษ์
			
									
									
						คุณสามารถล็อกอิน โดยใช้ชื่อ/รหัสผ่าน ได้หลังจาก active ผ่านอีเมล์ที่ส่งกลับไปนะคะ
 สามารถดูรีวิว + อ่านบทความได้แม้ไม่ได้เป็นสมาชิก (แต่หาก log-in) จึงจะสามารถตั้งคำถาม - แสดงความเห็นในกระทู้ได้
หมายเหตุ ** ปกติจะมีอีเมล์แจ้งรายละเอียดการสมัคร ส่งกลับไปหาคุณภายใน  5 นาทีค่ะ
    ถ้าหากล็อกอินไม่ได้ สามารถแจ้งชื่อ Username ที่คุณใช้สมัคร มาสอบถามที่ millionews@live.com  หรือโทรสอบถามที่ 02-434-6876 , 086-350-9030 ค่ะ
แผลเป็น (Scar) และ การรักษาแผลเป็น (Scar treatment)
					Forum rules
ห้ามเผยแพร่ หรือคัดสำเนาของบทความใดใดที่ลงไว้โดยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นความเห็นส่วนตัว และป้องกันการเกิดความขัดแย้งในด้านความคิดเห็นในอนาคต หากผู้ใดละเมิดต้องรับผิดตามกฎหมาย
Please don't publish these article elsewhere without permission. because is a personal opinion. Any violation is liable under the law.
	ห้ามเผยแพร่ หรือคัดสำเนาของบทความใดใดที่ลงไว้โดยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นความเห็นส่วนตัว และป้องกันการเกิดความขัดแย้งในด้านความคิดเห็นในอนาคต หากผู้ใดละเมิดต้องรับผิดตามกฎหมาย
Please don't publish these article elsewhere without permission. because is a personal opinion. Any violation is liable under the law.
Who is online
Users browsing this forum: No registered users and 1 guest
